สิ่งที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อไม่ใช่เพียงแค่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่คือ “ประสบการณ์การขาย” ที่พวกเขาได้รับจากพนักงานขาย โดย Jill Konrath ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายระดับโลก ได้พัฒนาเทคนิคที่สามารถเปลี่ยนการขายธรรมดา ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยวิธีดังนี้
10 วิธีพลิกการขายแบบ Jill Konrath
1. ทำให้สินค้ามีความเกี่ยวข้องกับชีวิตลูกค้า
หัวใจของการขายไม่ได้อยู่ที่ตัวสินค้า แต่อยู่ที่ “สินค้าเกี่ยวข้องกับชีวิตลูกค้าอย่างไร” การนำเสนอควรมุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ เช่น “สินค้าชิ้นนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในแต่ละวันได้ถึง 2 ชั่วโมง”
เมื่อสินค้าของคุณสามารถเชื่อมโยงกับปัญหาหรือเป้าหมายในชีวิตของลูกค้าได้ พวกเขาจะมองเห็นคุณค่าและตัดสินใจซื้อได้ทันที
2. ศึกษาลูกค้าให้ละเอียดก่อนเริ่มขาย
การเข้าใจลูกค้าอย่างถ่องแท้ เป็นจุดเริ่มต้นของการขายที่ดี ในยุคโซเชียลมีเดีย คุณสามารถศึกษาลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น LinkedIn, Facebook หรือแม้แต่โพสต์ใน X การรู้ว่าลูกค้าสนใจอะไร ทำอะไร หรือกำลังประสบปัญหาอะไร จะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอสินค้าได้ตรงจุด
3. เริ่มต้นด้วยบทสนทนาแบบเป็นมิตร
อย่าเริ่มต้นการขายด้วยคำถามที่เกี่ยวกับสินค้าโดยตรง เช่น “สนใจซื้อสินค้าอะไรบ้างคะ?” แต่เปลี่ยนเป็นการสร้างบทสนทนาทั่วไป เช่น “วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ? เสื้อที่คุณใส่ดูดีมากเลยค่ะ!” เพราะการเริ่มต้นด้วยความเป็นมิตร จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจและเปิดรับฟังคำพูดของคุณมากขึ้น
4. รู้จักกลุ่มเป้าหมายที่ใช่
แม้จะฟังดูเหมือนขัดแย้งกับการขายให้ “ใครก็ได้” แต่การรู้ว่าลูกค้ากลุ่มไหนคือกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับสินค้าของคุณ จะช่วยให้คุณไม่เสียเวลากับคนที่ไม่มีโอกาสซื้อได้มากขึ้น การขายให้คนที่ใช่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากกว่าเดิม
5. เป็นเพื่อนมากกว่าพนักงานขาย
ลูกค้าต้องการรู้สึกว่าคุณกำลังช่วยเหลือพวกเขา ไม่ใช่พยายามขายของให้พวกเขา การวางตัวเองเป็นที่ปรึกษา เช่น “ฉันคิดว่าสินค้านี้น่าจะเหมาะกับคุณมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้” จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับคำแนะนำที่จริงใจ
6. ถามคำถามและฟังให้มาก
ลูกค้าชอบพูดถึงตัวเอง ดังนั้นให้ถามคำถามเพื่อสำรวจปัญหาและความต้องการ เช่น “ปัญหานี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” หรือ “คุณคาดหวังผลลัพธ์แบบไหนจากการแก้ปัญหานี้?” การฟังอย่างตั้งใจช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาได้ลึกซึ้ง และยังทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณใส่ใจพวกเขา
7. สร้างความเข้าถึงได้ด้วยบุคลิกที่เหมาะสม
แม้ว่าคุณจะมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่การขายที่ดีคือการปรับตัวเข้ากับลูกค้า เช่น หากลูกค้าชอบความเป็นทางการ ให้คุณปรับการพูดและท่าทางให้ดูมืออาชีพ หรือ หากลูกค้าเป็นคนสบายๆ ให้การสนทนามีความเป็นกันเองและผ่อนคลาย
8. วิเคราะห์ลักษณะของลูกค้า
ลูกค้าแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น คนที่ชอบวิเคราะห์ ควรเน้นการอธิบายข้อมูลเชิงลึก เช่น ตัวเลขและสถิติให้ได้ตามที่ต้องการ เมื่อคุณเข้าใจลักษณะของลูกค้า คุณจะสามารถปรับวิธีการขายให้เข้ากับลูกค้าได้
9. ใช้อารมณ์นำเสนอ
การตัดสินใจซื้อของลูกค้าไม่ใช่เรื่องของเหตุผลอย่างเดียว แต่อารมณ์ก็มีบทบาทสำคัญ เช่น ความกลัวพลาดโอกาส ความภูมิใจ หรือความโลภ ตัวอย่างเช่น “โปรโมชั่นนี้มีถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะคะ ถ้าพลาดไปอาจต้องรออีกนานเลยค่ะ” การกระตุ้นอารมณ์ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
10. สื่อสารให้ตรงจุด
แม้คุณจะไม่ได้ขายสินค้าแบบเผชิญหน้า การเขียนข้อความขายผ่านแคปชั่นหรืออีเมลก็สำคัญ หากข้อความของคุณไม่ดึงดูดหรือไม่ชัดเจน ลูกค้าก็อาจมองข้ามไป ลองตั้งคำถามว่า “ถ้าฉันเป็นลูกค้า ฉันจะสนใจข้อความนี้ไหม?” การสื่อสารที่ดีต้องสามารถดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าของคุณช่วยพวกเขาได้
เทคนิคการขายของ Jill Konrath ชี้ให้เห็นว่าการขายที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่การโน้มน้าวแบบตรง ๆ แต่คือการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสินค้าและชีวิตของลูกค้า ด้วยการใส่ใจในความต้องการ พฤติกรรม และอารมณ์ของพวกเขา
“การขายไม่ได้เกี่ยวกับการขายสินค้า แต่คือการช่วยลูกค้าแก้ปัญหาด้วยสินค้า”
เมื่อนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ คุณจะไม่เพียงขายสินค้าได้ดีขึ้น แต่ยังสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตในระยะยาวได้อีกด้วย
อย่ารอช้า! สนใจผลิตอุปกรณ์ออกบูธ และกล่องแพคเกจจิ้ง ติดต่อโรงพิมพ์ Tumtook ได้เลยทันที!
คลิ๊ก >> Tumtook.com/Addline
Add Line : @Tumtook