เพราะกระดาษมีหลายชนิด แตกต่างกันไปในแต่ละการใช้งาน ซึ่งหลายคนก็น่าจะมีคำถามว่า แล้วการทำกล่องแพคเกจจิ้งต่างๆ จะต้องใช้กระดาษชนิดใดจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการใช้งาน และความเหมาะสม เรื่องนี้แยกได้ไม่ยาก เพียงแยกตามชนิดของกระดาษ และสีที่บอกถึงเกรดหรือคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
วัสดุของกระดาษแพคเกจจิ้ง มีอะไรบ้าง
- กระดาษลูกฟูก (Corrugated cardboard)
กระดาษลูกฟูกเป็นกระดาษที่ได้รับความนิยมสูง ในการนำมาทำเป็นแพคเกจจิ้ง, โมเดล, หรือสแตนดี้ เนื่องจากกระดาษลูกฟูกมีโครงสร้างสามชั้น นั่นคือ ชั้นด้านนอก ทำจากกระดาษแข็งที่มีความหนา เพิ่มความทนทาน, ชั้นกลาง จะทำลักษณะเป็นลอน ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและการดูดซับแรงกระแทก และชั้นด้านในที่ทำลักษณะเดียวกับชั้นด้านนอก ซึ่งทั้งหมดนี้จึงทำให้กระดาษลูกฟูกแข็งแรงทนทานกว่ากระดาษชนิดอื่น, มีน้ำหนักเบา, ปรับแต่งได้ง่าย และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เหมาะสำหรับการทำเป็นแพคเกจจิ้งอาหาร, เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าทั่วไป ที่ใช้การขนส่งระยะไกล
- กระดาษแข็ง (Cardboard)
กระดาษแข็ง มีความแข็งแรงสูงกว่ากระดาษทั่วไปในด้านการบีบและกดทับ แต่จะไม่มีการดูดซับแรงกระแทกเหมือนกับกระดาษลูกฟูกที่มีโครงสร้างหลายชั้น
กระดาษแข็งจะมีน้ำหนักที่เบา, ทนทานต่อการฉีกขาด, สามารถพิมพ์ได้ง่าย, ออกแบบได้หลากหลาย และสามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งคือความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ดี เหมาะกับการนำมาทำเป็นกล่องแพคเกจจิ้งสำหรับสินค้าหลายประเภท และยังเป็นตัวเลือกที่ดีในการทำเป็นกล่องของขวัญที่มีการออกกราฟฟิกแบบสวยงาม
- กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Cards)
กระดาษอาร์ตการ์ด จะมีความแข็งแรงที่น้อยกว่ากระดาษแข็ง แต่ก็มีน้ำหนักที่เบากว่า โดยกระดาษอาร์ตการ์ดจะมีพื้นผิวที่เรียบและมันเงา มีความหนาประมาณ 250 – 350 แกรม ซึ่งจะเหมาะสำหรับการพิมพ์กราฟฟิกสีสันสดใส และมีความนุ่มนวล ใช้สำหรับทำเป็นบัตรเชิญ, แพคเกจจิ้งของขวัญ, กล่องโชว์สินค้า และวัสดุพิมพ์ต่างๆ ที่ต้องการพิมพ์การออกแบบกราฟฟิกอันดึงดูดสายตา
- กระดาษรีไซเคิล (Recycled paper)
กระดาษรีไซเคิล คือ วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตจากการนำเศษกระดาษที่ถูกทิ้งไป นำมารีไซเคิลโดยวิธีการบดและแช่น้ำ จากนั้นก็จะแยกน้ำออกแล้วทำให้แห้ง ซึ่งกระดาษรีไซเคิลจะช่วยลดการตัดต้นไม้, ลดปริมาณขยะ และประหยัดพลังงานในการผลิตมาก
ในปัจจุบัน ธุรกิจส่วนใหญ่ก็นำกระดาษรีไซเคิลมาเป็นแพคเกจจิ้งรูปแบบต่างๆ อยู่แทบทุกพื้นที่ เพราะเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจ และธรรมชาติของโลก ซึ่งตรงตามโจทย์ที่ลูกค้าหลายคนกำลังมองหา
การแยกตามสีของกระดาษ
- กระดาษสีขาว
ส่วนใหญ่จะมีคุณภาพที่สูง เหมาะสำหรับการพิมพ์ที่ต้องการสีสันสดใสและชัดเจน
ใช้ในการทำกล่องกระดาษคราฟท์, ถุงกระดาษ และแพคเกจจิ้งสินค้าทั่วไป
- กระดาษสีน้ำตาล
มีความแข็งแรงและทนทาน แต่พื้นผิวไม่มันเงา จะใช้ในงานที่เน้นความเป็นธรรมชาติ และเรียบง่าย
ใช้ในการทำกล่องแพคเกจจิ้งที่ไม่ต้องการพิมพ์รูปลงบนกระดาษ
- กระดาษสีดำ
ใช้ในการสร้างความหรูหราหรือเพิ่มความทันสมัยให้กับแพคเกจจิ้ง ซึ่งทำให้สินค้าดูโดดเด่นขึ้น
ส่วนใหญ่จะใช้ในการทำกล่องสินค้าที่ดูหรูหรา เช่น เครื่องสำอาง หรือของขวัญพรีเมียม
- กระดาษเคลือบ
มีคุณสมบัติในการเพิ่มความทนทานต่อการขีดข่วนหรือความชื้น ทำให้กระดาษมีความเงา ดูน่าสนใจ
ใช้ทำกล่องแพคเกจจิ้งที่ต้องการเรื่องของการป้องกันเพิ่มเติม และเหมาะสำหรับสินค้าที่ดูหรูหราเช่นกัน
จากการที่สินค้าในปัจจุบันมีหลายชนิด และมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนั้น การเลือกใช้กระดาษมาทำแพคเกจจิ้งให้ตรงความต้องการจึงเป็นสิ่งจำเป็น ในการสร้างคุณค่าและความเหมาะสมให้กับสินค้าในแต่ละชนิด แต่กระดาษที่ผู้คนให้ความสนใจที่สุดก็คือ กระดาษที่มีคุณสมบัติปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เพราะผู้คนต่างมองเห็นถึงความสำคัญด้านธรรมชาติในอนาคต ซึ่งสิ่งนี้ก็จะเป็นตัวชี้วัดถึงอนาคตของแพคเกจจิ้งด้วยเช่นกัน
ที่มา : hongthaipackaging , cutpasteandprint