ในทุกงานพิมพ์ จะมีขั้นตอนสุดท้ายเป็นตัวเลือก นั่นคือ การเคลือบในการพิมพ์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้วัสดุเคลือบเพื่อปรับปรุงลักษณะและคุณสมบัติของพื้นผิวในงานพิมพ์ ให้ทนทานต่อการใช้งาน ดูสวยงาม น่าจับจอง อีกทั้งยังเพิ่มความคมชัดและความละเอียดให้กับสีด้วย แต่การเคลือบนี้ก็มีหลายประเภท ในแต่ละประเภทก็จะมีคุณสมบัติและมีประโยชน์ที่แตกต่างกัน ตามนี้
การเคลือบแต่ละแบบ
การเคลือบเงา (GLOSSY)
การเคลือบเงา เป็นชนิดของการเคลือบที่จะมอบความมันเงา สะท้อนแสง ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการพิมพ์ โดยการเคลือบเงานี้จะเพิ่มมิติความลึกให้กับภาพ ส่วนใหญ่จะเน้นใช้กับหน้าปกหนังสือที่มีสีสัน, รูปโปสเตอร์ที่มีความละเอียดสูง และแพคเกจจิ้งสินค้าหลายชนิด ทำให้ผลงานดูสะดุดตาน่ามองยิ่งขึ้น
ข้อดีของการเคลือบเงา มีดังนี้
- เพิ่มความลื่นให้กับพื้นผิว ทำให้เก็บรักษา และทำความสะอาดได้ง่าย
- เสริมการป้องกันในงานพิมพ์อีกระดับชั้น ช่วยให้ทนทาน ป้องกันการขีดข่วน หรือเป็นรอยได้ดี
- มอบการสะท้อนแสง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมคุณภาพของรูป และสีให้ดูสดขึ้น ทำให้งานพิมพ์ดูมีชีวิตชีวา น่าสนใจ
- สีดูสดขึ้น ให้อารมณ์สดใส ดูใหม่เสมอ เหมาะกับการใช้เคลือบให้ผลงานดูเด่นในการโชว์แสดง หรือวางโปรโมท
การเคลือบด้าน (MATTE)
การเคลือบด้าน จะเป็นสมบัติตรงกันข้ามกับการเคลือบเงา นั่นคือ ทำให้ไม่สะท้อนแสง ผิววัตถุจะลื่น รู้สึกสบายเมื่อได้สัมผัส วิธีการ คือ เคลือบผลงานด้วยแผ่นฟิล์มด้าน ซึ่งจะลดแสง ลดการสะท้อน ส่วนใหญ่จะใช้เคลือบกับงานปกหนังสือที่มีตัวอักษรเยอะ, งานที่มีการออกแบบอันซับซ้อน และแพคเกจจิ้งอาหาร โดยการเคลือบแบบด้าน นอกจากจะไม่เบี่ยงเบนสิ่งน่าสนใจของผลงานแล้ว มันยังเพิ่มความทันสมัยให้กับตัวผลงานหรือสินค้าอีกด้วย
ข้อดีของการเคลือบด้าน มีดังนี้
- มอบความลื่นให้พื้นผิววัตถุ สัมผัสสบายมือ
- การเคลือบจะเพิ่มชั้นป้องกัน ช่วยลดรอยขีดข่วน และเพิ่มความทนทานมากขึ้น
- สีอ่อนลง ดูซอฟท์ ให้อารมณ์ดูเรียบหรู เป็นทางการ
การเคลือบ UV
เป็นการเคลือบผิวกระดาษ ด้วยน้ำยา UV ทำให้เกิดเงาบนพื้นผิววัตถุ และจะแห้งด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลต จึงได้ความเงาสวยได้ในทันที โดยจะใช้กับงานที่ต้องการความทนทาน และคุณภาพสูง เช่น บรรจุภัณฑ์พรีเมี่ยม, งานพิมพ์โฆษณาต่างๆ, การ์ด และหนังสือนิตยสาร
ข้อดีของการเคลือบ UV มีดังนี้
- เพิ่มความเงางามสะท้อนแสง ทำให้สีสันบนงานพิมพ์ดูสดใสและชัดเจนยิ่งขึ้น
- ไม่มีกลิ่นเหม็นหลังเคลือบ เพราะใช้กระบวนการนำแสง UV มาทำให้สารเคลือบแห้งในทันที แต่ก็ไม่ควรนำมาใช้เคลือบบรรจุภัณฑ์อาหาร เพราะความร้อนจากอาหารสามารถทำให้ตัวเคลือบอ่อนตัวและมีกลิ่นฉุนลงอาหารได้
- เพิ่มความทนทานต่อสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะงานพิมพ์ที่ต้องเจอกับความชื้นหรือแสงแดด
- สร้างมูลค่าให้งานพิมพ์ดูพรีเมี่ยมขึ้น ซึ่งส่งผลที่ดีให้กับยอดขายได้
ตัวเลือกการเคลือบเหล่านี้เป็นขั้นตอนการสร้างให้งานพิมพ์แข็งแรง ทนทานขึ้น และยังมอบความน่าสนใจไปในทางที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การเคลือบยังสามารถนำไปปรับใช้กับการทำแพคเกจจิ้ง เพื่อความทนทาน เพิ่มความสวยหรู สร้างคุณค่าให้สินค้าดูสะดุดตา ลูกค้าเห็นต้องหลงใหล ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของงานพิมพ์ที่น่าสนใจมาก