เคยสงสัยหรือไม่ว่า “ทำไมร้านอื่นขายของเหมือนกัน แต่ทำไมถึงขายดีกว่า” หรือ “ทำไมร้านอื่นมาขายทีหลัง แต่กลับแย่งลูกค้าไปหมด” คำตอบของความลับนี้ มาจากเวทมนตร์ที่เรียกว่า “การตลาดหลอกตา” ซึ่งได้สร้างภาพลวงตาขึ้นมาให้ลูกค้าต้องซื้อสินค้ากันอย่างหน้ามืดตามัว เทคนิคการขายแบบนี้ทำได้อย่างไร ไปเรียนรู้วิธีใช้เวทมนตร์เพื่อให้ “คุณเองเป็นพ่อมดได้” กันเลยค่ะ!

การตลาดหลอกตา คืออะไร?

การตลาดหลอกตา เป็นกลยุทธ์ทางการขาย ที่ใช้เทคนิคการโฆษณาหรือการสร้างภาพ เพื่อสร้างความเชื่อที่ส่งผลต่อความรู้สึก ให้ผู้บริโภคเกิดความคิดฝังใจว่าสินค้าหรือแบรนด์มีมูลค่าที่คุ้มค่าต่อการซื้อ เป็นวิธีการกระตุ้นเพิ่มยอดขายที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี เพียงแค่รู้จักวิธีและปรับใช้ให้ถูกจุด

วิธีการใช้ การตลาดหลอกตา เพิ่มยอดขายได้ทันตา

• ตั้งราคาแบบจิตวิทยา

วิธีแรกเป็นเรื่องพื้นฐานที่สามารถพบเจอได้บ่อย เช่นการตั้งราคาสินค้า 990 บาท แทนที่จะตั้งราคา 1000 บาท เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่ามีส่วนต่างที่ราคาถูกกว่า 10 บาท ลองถามใจตัวเองว่ามีร้านที่ขายสินค้า 990 บาท และร้านที่ขายสินค้า 1000 บาท ร้อยทั้งร้อยแล้วส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกร้านที่มีราคา 990 เพราะราคาถูกกว่าเท่านั้น

• โฆษณาเกินจริง

ยกตัวอย่างที่เห็นผลได้ชัดที่สุดคือ เครื่องดื่มชูกำลัง ที่อาจใช้คำโฆษณาว่า “ดื่มแล้วมีพลังเหมือนติดปีก” ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าเป็นคำโฆษณาเกินจริง แต่ก็เป็นวิธีการโฆษณาที่ได้ผล เพราะลูกค้าเชื่อว่าถ้าดื่มแล้วจะได้ผลดีกับตัวเองมากที่สุด เป็นวิธีการขายคำโฆษณามากกว่าคุณภาพ โดยที่ไม่ได้สนใจดูโภชนาการหรือผลประโยชน์ของเครื่องดื่มนั้นจริงๆ เลย

• ใช้บรรจุภัณฑ์หลอกตา

ร้านขายอาหารข้างทางเหมือนกัน ตั้งร้านอยู่ใกล้กัน ขายอาหารในจำนวนปริมาณเท่ากัน แต่ทำไมอีกร้านถึงขายดีกว่า? ผลปรากฎว่าอีกร้านหนึ่งได้ใช้จานที่มี ขนาดเล็กกว่าปกติ ทำให้ดูเหมือนว่าอาหารในจานดูมีปริมาณที่คุ้มค่ามากกว่า หรือแม้แต่การใช้ภาพโฆษณาที่ใส่อาหารมาเต็มชามใหญ่ ก็ทำให้รู้สึกว่ามีความน่าเลือกซื้อทานได้อย่างคุ้มราคามากกว่า

• สร้างความพิเศษให้ตัวเอง

ทำไมหลายคนถึงยังใช้สมาร์ทโฟนราคาแพง ทั้งที่สมาร์ทโฟนในปัจจุบันนี้มีประสิทธิภาพและความสามารถได้แทบไม่ต่างกันมากแล้ว นั่นเพราะแบรนด์ของสมาร์ทโฟนได้สร้างความพิเศษให้ตัวเองขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเมื่อมีสมาร์ทโฟนของแบรนด์นี้แล้วจะมีความหรูหราพรีเมี่ยม ถึงแม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ได้ใช้คุณสมบัติทั้งหมดที่มีให้มาในเครื่องก็ตาม

• ขายประสบการณ์แทนสินค้า

ร้านคาเฟ่หรือร้านกาแฟ ทำไมถึงได้นิยมเปิดกันมากขึ้นได้ นั่นเพราะมีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นแล้วว่าลูกค้าไม่ได้ไปร้านกาแฟเพื่อต้องการดื่มกาแฟอย่างเดียว แต่ลูกค้าหลายกลุ่มล้วนบอกว่าไปร้านกาแฟเพื่อต้องการนั่งที่ร้าน ไม่ว่าจะนั่งทำงานเงียบๆ หรือการนั่งติวหนังสือ เพราะร้านกาแฟได้ขายประสบการณ์การนั่งทานกาแฟนอกสถานที่ให้ ในการสร้างพื้นที่ที่ทำให้ลูกค้ารุ้สึกว่ามีบรรยากาศดีกว่าการดื่มกาแฟที่อื่น

• ทำให้สินค้าขาดตลาด

เดี๋ยวนี้เรามักจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าที่แข่งขันกันแย่งซื้อสินค้าจำนวนจำกัด หรือซื้อสินค้าที่ได้รับความนิยมเก็บตุนไว้กับตัวเอง จนทำให้สินค้าขาดตลาดเพื่อนำมาขายต่อในราคาแพง ทำให้ลูกค้าที่ต้องการสินค้าจริงๆ ต้องยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่า เพราะไม่งั้นจะหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

• ใช้คนดังช่วยโฆษณา

เช่นเดียวกับที่เราเห็นการนำดารานักแสดงชื่อดังในช่วงนั้น มาเป็นพรีเซนเตอร์ช่วยโฆษณาสินค้าให้ แม้ว่าในความจริงแล้วคนโฆษณาอาจจะไม่เคยใช้สินค้านั้นเลยก็ตาม แต่ในปัจจุบันก็ยังมีวิธีการจ้างคนดังบนสื่อออนไลน์ที่มีอิทธิพลกับคนกลุ่มมาก หรือใช้วิธีผลักดันเจ้าของร้านให้เป็นคนดังเพื่อขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าด้วยตัวเอง

การตลาดหลอกตา ในบางกรณีนั้นอาจมองได้ว่าไม่ใช่วิธีที่มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้ามากนัก แต่วิธีดังกล่าวนั้นก็เป็นวิธีที่เราสามารถพบเห็นได้ปกติในชีวิตประจำวันไปแล้ว การเลือกใช้วิธีการขายแบบการตลาดหลอกตา จึงเป็นเหมือนเวทมนตร์ที่อาจส่งผลดีหรือผลเสียต่อภาพลักษณ์ของร้านและสินค้า ที่ควรพิจารณาให้ดีว่าจะร่ายเวทมนตร์แบบไหน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้าได้ดีมากที่สุด

สนใจติดต่อผลิตสินค้าแพคเกจจิ้ง และอุปกรณ์ออกบูธ
คลิ๊ก >> Tumtook.com/Addline
Add Line : @Tumtook