Pain Point คือปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สะดวกใจในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจขายได้ยากขึ้น ในปี 2025 ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับ ต้นทุนที่สูงขึ้น กำลังซื้อที่ลดลง และการแข่งขันที่รุนแรง หากธุรกิจยังใช้วิธีการขายแบบเดิม โดยไม่พัฒนาและแก้ไข Pain Point ให้เหมาะสมกับยุคสมัย อาจทำให้สูญเสียลูกค้าไปอย่างถาวร แต่ในทางกลับกัน Pain Point สามารถเปลี่ยนเป็นโอกาส ได้ หากนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงให้ตอบโจทย์ลูกค้า บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ 5 ประเภทของ Pain Point และกรณีศึกษาของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยน Pain Point ให้กลายเป็นจุดแข็ง
Pain Point คืออะไร และมีผลกระทบอย่างไรต่อธุรกิจ?
Pain Point คือ ปัญหา อุปสรรค หรือข้อจำกัดที่ลูกค้าพบเจอในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งทำให้เกิดความลังเล ไม่อยากซื้อ หรือมองหาทางเลือกอื่นแทน
ตัวอย่าง Pain Point ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในปี 2025 ได้แก่
- สินค้าราคาแพง แต่ลูกค้าไม่มีงบประมาณ (Financial Pain Point)
- การซื้อสินค้ายุ่งยาก ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะไม่ซื้อ (Process Pain Point)
- พนักงานไม่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจในบริการ (Personnel Pain Point)
หากธุรกิจสามารถ ระบุ Pain Point และแก้ไขได้อย่างตรงจุด ลูกค้าจะมองว่าสินค้าและบริการของคุณเป็น “ตัวเลือกที่ดีที่สุด” และพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อแก้ปัญหา
5 ประเภทของ Pain Point ที่ธุรกิจต้องรู้
1. ปัญหาด้านการใช้งาน (Functional Pain Point)
สินค้าใช้งานยาก ซับซ้อน ไม่ตอบโจทย์ลูกค้า
แนวทางแก้ไข:
- ปรับปรุงดีไซน์ให้ใช้งานง่าย
- ทำคู่มือ หรือวิดีโอสอนการใช้งาน
- ออกแบบแพ็กเกจที่ช่วยให้ลูกค้าสะดวกขึ้น
Case Study:
7-Eleven กับ “กล้วยพร้อมทาน”
- จากกล้วยที่ขายเป็น “หวี” ทำให้คนโสดหรือครอบครัวเล็กๆ ซื้อแล้วทานไม่ทัน
- 7-Eleven มองเห็น Pain Point นี้ และเปลี่ยนเป็น “กล้วย 1 ลูก” พร้อมทาน
- ผลลัพธ์: จากเดิมขายวันละ 1,000 ลูก เพิ่มเป็น 50,000 ลูกต่อวันภายในปี 2563
2. ปัญหาด้านอารมณ์และความรู้สึก (Emotional Pain Point)
ลูกค้ากังวลเรื่องความปลอดภัย ไม่มั่นใจในคุณภาพ
แนวทางแก้ไข:
- ใช้ การตลาดที่สร้างอารมณ์ร่วม
- ทำให้ลูกค้ารู้สึก มั่นใจและสบายใจ ในการซื้อ
Case Study:
Suntory กับเบียร์ Whitebelg
- Suntory ออกเบียร์ Whitebelg เพื่อตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบรสขมของเบียร์
- ใช้สโลแกน “No Bitter Life” หรือ “ชีวิตไม่ต้องขมขนาดนั้น”
- ผลลัพธ์: ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการความผ่อนคลาย ตอบรับสินค้านี้อย่างดี
3. ปัญหาด้านต้นทุนและราคา (Financial Pain Point)
ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าหรือบริการมีราคาแพงเกินไป
แนวทางแก้ไข:
- ทำแพ็กเกจราคาหลายระดับ
- เพิ่มโปรโมชันและข้อเสนอที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า
Case Study:
- แพลตฟอร์ม Netflix, Spotify ใช้โมเดลสมัครสมาชิกรายเดือน ทำให้ลูกค้าไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่
- ร้านอาหารหลายแห่ง เพิ่มเมนูชุดเล็ก เพื่อให้ลูกค้าที่งบน้อยสามารถเข้าถึงได้
4. ปัญหาด้านกระบวนการและขั้นตอน (Process Pain Point)
กระบวนการซื้อสินค้าซับซ้อน ทำให้ลูกค้าไม่อยากซื้อ
แนวทางแก้ไข:
- ทำให้ ขั้นตอนซื้อง่ายขึ้น เช่น จ่ายเงินผ่าน QR Code หรือสมัครสมาชิกแบบอัตโนมัติ
- ใช้ AI Chatbot ตอบคำถามลูกค้าแทนการโทรศัพท์
Case Study:
- Amazon ใช้ระบบ “1-Click Purchase” ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ในคลิกเดียว ลดความยุ่งยากของกระบวนการซื้อ
5. ปัญหาด้านบุคลากร (Personnel Pain Point)
พนักงานไม่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจในบริการ
แนวทางแก้ไข:
- ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการ
- ใช้ ระบบรีวิวและคะแนนความพึงพอใจ เพื่อประเมินคุณภาพของพนักงาน
Case Study:
Marukome กับซุปมิโซะพร้อมทาน
- มองเห็น Pain Point ของแม่บ้านญี่ปุ่นที่ต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาทำอาหาร
- เปิดตัว “O miso Shiru no Uta” ซุปมิโซะพร้อมทาน เพียงเติมน้ำร้อนก็พร้อมรับประทาน
- ผลลัพธ์: ช่วยลดภาระของแม่บ้าน และทำให้สินค้าได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
ธุรกิจปี 2025: เปลี่ยน Pain Point ให้เป็นโอกาส
- Pain Point = โอกาสทางธุรกิจ ถ้าเข้าใจปัญหาของลูกค้าอย่างแท้จริง
- มองหา Pain Point ของลูกค้าให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการใช้งาน อารมณ์ ราคา กระบวนการ หรือบุคลากร
- ใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เพื่อแก้ปัญหา เช่น ปรับดีไซน์สินค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้น หรือใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มความสะดวก
การทำธุรกิจในปี 2025 ไม่ใช่แค่การขายสินค้าอีกต่อไป แต่คือการ เข้าใจปัญหาของลูกค้า และเสนอวิธีแก้ไขที่ตรงจุด ธุรกิจที่สามารถเปลี่ยน Pain Point ให้กลายเป็นโอกาสได้ จะเป็นธุรกิจที่ ลูกค้าต่อคิวซื้อ โดยไม่ต้องพึ่งแค่การลดราคา
อย่ารอช้า! สนใจผลิตอุปกรณ์ออกบูธ และกล่องแพคเกจจิ้ง ติดต่อโรงพิมพ์ Tumtook ได้เลยทันที!
คลิ๊ก >> Tumtook.com/Addline
Add Line : @Tumtook